วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561

บันทึกการเรียนครั้งที่ 2

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ.2561



KNOWLEDGE

ความหมายของการบริหารการศึกษา

 ( Education Administration )


การบริหารการศึกษา แยกออกเป็น 2 คำ คือ การบริหาร และ การศึกษา


ความหมายของ “การบริหาร” มีดังนี้

-การบริหาร คือ ศิลปะของการทำงานให้สำเร็จโดยใช้บุคคลอื่น
-การบริหาร คือ การทำงานของคณะบุคคล ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่ร่วมกันปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน
-การบริหาร คือ การที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันทำงาน เพื่อจุดประสงค์อย่างเดียวกัน
     สรุปได้ว่า การบริหาร หมายถึง “การดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้”

ความหมาย “การศึกษา” มีดังนี้
-การศึกษา คือ ความเจริญงอกงาม ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา
-การศึกษา คือ การสร้างเสริมประสบการณ์ให้ชีวิต
-การศึกษา คือ เครื่องมือที่ทำให้เกิดความเจริญงอกงามทุกทางในตัวบุคคล
สรุปได้ว่า การศึกษาหมายถึง “การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี”



การบริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าหรือผู้นำดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร โดยใช้กระบวนการบริหารกลุ่มบุคคล กระบวนการต่างๆ ในการดำเนินงานของกลุ่มบุคคลให้เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำใหม่ เป็นผู้นำทางความคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การสร้างแรงจูงใจและจัดสรรการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นกลุ่มงานที่สัมพันธ์กันอย่างดี มีกลังคนที่มีความสามารถพร้อมสร้างบุคลากรให้ทำงานได้อย่างถูกต้องเพื่อให้บุคลากรร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพของงานภายในสถานศึกษาและให้บริการทางการศึกษาแก่สมาชิกของสังคม


ความสำคัญของการบริหารสถานศึกษา
การบริหารสถานศึกษาหรือการบริหารองค์กร  สิ่งที่ต้องตระหนักหรือให้ความสำคัญ คือการบริหารงานบุคคล เพราะบุคคลเป็นทรัพยากรที่มีค่าในองค์กร ที่สามารถพัฒนาศักยภาพได้ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ช่วยให้บุคคลที่ปฏิบัติงานในองค์กรมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรที่ปฏิบัติงาน เสริมสร้างความมั่นคงแก่สังคมและประเทศชาติ นั้นหมายถึงผู้บริหารจะต้องมีความรู้เรื่องการบริหารเป็นอย่างดี



หลักการ แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา

หลักการบริหารงานบุคคล

  สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2545)  ให้แนวคิดในการบริหารและการจัดการที่ดี เพื่อมาปรับใช้ในบริบทขององค์กรทางการศึกษา ในประเด็กดังนี้
1. การกำหนดจุดหมาย ผลที่คาดหวัง หรือภาพความสำเร็จของการบริหารและการจัดการที่ดี (Goal / Expected / Output)
2. กระบวนการบริหารและการจัดการที่ดี (Process)
3. ทรัพยากรในการบริหารจัดการที่ดี (Input / Resource)
4. ระบบควบคุม (Feedback / Control System)
  5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารและการจัดการที่


ขอบข่ายของการบริหาร
       กระทรวงศึกษาธิการ (2546) ได้กำหนดขอบข่ายภาระงานในการบริหารงานบุคคลไว้ ประกอบด้วย 5 งาน ได้แก่
  1. การวางแผนอัตรากำลังและการกำหนดตำแหน่ง
  2. การสรรหาและการบรรจุแต่งตั้ง
  3. การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
  4. วินัยและการรักษาวินัย
  5. การออกจากราชการ


ขอบข่ายของการบริหาร
  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2545) ได้กำหนดขอบข่ายการบริหารงานบุคคลไว้ประกอบด้วย 6 งาน ได้แก่
  1. การวางแผนกำลังคน
  2. การสรรหา
  3. การบรรจุแต่งตั้ง
  4. การพัฒนา
  5. การธำรงรักษา
   6. การให้พ้นจากงาน


สรุปได้ว่าขอบข่ายของการปฏิบัติงานของสถานศึกษาในการบริหารงานบุคคลนั้นมีภาระงานที่สำคัญๆ ที่สถานศึกษาควรปฏิบัติ ประกอบด้วย

    1. การวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง โดยมีการวิเคราะห์ภารกิจและประเมินสภาพความต้องการกำลังคน กับภารกิจของสถานศึกษามีการจัดทำภาระงานสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และแจ้งภาระงาน มาตรฐานคุณภาพงาน มาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ เกณฑ์ประเมินผลงานแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาก่อนมีการมอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติงาน

    2. การสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง โดยมีการดำเนินการสอบแข่งขัน สอบคัดเลือกและคัดเลือกในกรณีจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูผู้ช่วยครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นในสถานศึกษา

การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  (Science and arts)

•เป็น ศาสตร์ เพราะ มีหลักการ กฎเกณฑ์ และทฤษฏีที่เชื่อถือได้ เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเชิงวิทยาสาสตร์
• เป็น ศิลป์ เพราะต้องทำงานกับคน ต้องเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ต้องฝึกให้ชำนาญ จึงต้องประยุกต์ใช้อย่างมีศิลป์
ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสถานศึกษา
ความหมายของทฤษฏี
-กลุ่มของข้อเสนอ หรือ ของมโนทัศน์ที่สัมพันธ์เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
-เป็นข้อสรุปอย่างกว้างๆ ทั่วไปที่พรรณนาและอธิบายถึงพฤติกรรมละปรากฏการณ์อย่างเป็นระบบ
ความจำเป็นในการศึกษาทฤษฏี
-ทฤษฏีเป็นพื้นฐานของการกำหนดสมมติฐานเพื่อทดสอบปรากฏการณ์ที่สังเกตได้ ในเมื่อทฤษฏีอยู่บน
พื้นฐานของตรรกวิทยา มีเหตุผลแม่นยำ ถูกต้องแล้ว การปฏิบัติก็จะมีเหตุผลและถูกต้องเช่นเดียวกัน
-ทฤษฏีเป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัย โดยกำหนดทิศทางของการวิจัย

พัฒนาการของทฤษฏีทางการบริหาร



ทัศนะดั้งเดิม (Classical viewpoint) ประกอบด้วย
การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์/การจัดการเชิงบริหาร /การบริหารแบบราชการ

1. การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific management)
Frederick. W. Taylor (เทเลอร์) บิดาแห่งการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ ได้เสนอ หลัก 4 ประการ
  1. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มีการแยกวิเคราะห์งาน
  2. มีการวางแผนการทำงาน
  3. คัดเลือกคนทำงาน
  4. ใช้หลักการแบ่งงานกันทำระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ

2.ทฤษฏีการจัดการเชิงบริหาร (Administration management)
•Henry Fayol : หลักการบริหาร 14 หลักการ และขั้นตอนการบริการ POCCC
• Chester Barnard : ทฤษฏีการยอมรับอำนาจหน้าที่
• Luther Gulick : ใช้หลักการของ Fayolโดยใช้คำย่อว่า POSDCoRB ซึ่งเป็นหน้าที่ 7 ประการ

3.ทฤษฏีการบริหารแบบราชการ (Bureaucratic management)
•Max Weber พัฒนาหลักการจัดการแบบราชการ
  1. มีกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อควบคุมการตัดสินใจ
  2. ความไม่เป็นส่วนตัว
  3. แบ่งงานกันทำตามความถนัด ความชำนาญเฉพาะทาง
  4. มีโครงสร้างการบังคับบัญชา
  5. ความเป็นอาชีพที่มั่นคง
  6. มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ โดยมีกฎระเบียบรองรับ
  7. ความเป็นเหตุเป็นผล

ข้อเสียของระบบราชการ
-ระเบียบปฏิบัติที่เคร่งครัดเกินไป ไม่ยืดหยุ่นทำให้งานล่าช้า ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์
-การรวมศูนย์อำนาจ ทำให้ตัดสินใจล่าช้า ไม่ทันเหตุการณ์และเทคโนโลยี
-การมีสายการบังคับบัญชา ทำให้เกิดการชิงดีชิงเด่น ประจบประแจง
-การแบ่งงานตามความถนัดเป็นกลุ่ม ทำให้เกิดการสร้างอาณาจักร
ทั้ง 3 ทฤษฏี มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร
ความเหมือน
1. ด้านโครงสร้าง เน้นการแบ่งงานกันทำ การมีสายการบังคับบัญชา กำหนดหน้าที่ของการบริหาร เน้นหลักการ
2. ด้านผู้ปฏิบัติ เหมือนเครื่องจักร เน้นสิ่งจูงใจด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในงาน ความต้องปรับตัวเข้ากับงาน
3. ด้านผู้นำ ให้ความสำคัญกับบทบาทผู้นำ เอกภาพ ระบบคุณธรรม เป้าหมายองค์กรสำคัญกว่าบุคคล
4. ด้านการตัดสินใจ เน้นความเป็นเหตุผล ประสิทธิภาพ กำไร

ความต่าง
 Taylor : กำหนดวิธีการทำงานที่ดีที่สุด The one best way
 Fayol   : เน้นหลักการ 14 หลักการ
 Weber   : เน้นระเบียบข้อบังคับ มีเกณฑ์ประเมินผล

ทัศนะเชิงพฤติกรรม (Behavioral viewpoint) ประกอบด้วย
ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก/การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น/ความเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์
 หลักพฤติกรรมศาสตร์
1. ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก (Early behavioral theories)
-Hugo Munsterberg บิดาแห่งจิตวิทยาอุตสาหกรรม  ใช้หลักจิตวิทยาในการจำแนกคนงานให้เหมาะสมกับงาน
-Mary Parker Follett นักปรัชญาแห่งเสรีภาพของบุคคล เน้นสภาพแวดล้อมในการทำงานและการมี
ส่วนร่วม

2. การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น (Hawthorne studies)
การทดลองของบริษัท เวสเทิร์น อิเล็กทริก ที่เมืองฮอว์ธร์น เพื่อศึกษาเกี่ยวกับผลของแสงไฟต่อประสิทธิภาพในการทำงานในช่วงท้ายของการทดลอง Elton Mayo ร่วมทำการทดลอง สรุปข้อค้นพบว่า
  - เงินไม่ใช้สิ่งจูงใจสำคัญเพียงอย่างเดียว
 - กลุ่มไม่เป็นทางการมีอิทธิพลต่อองค์การ

3. การเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์ (Human relation movement)
Abraham Maslow :  มาสโลว์ทฤษฏีลำดับขั้นความต้องการ
Douglas McGregor : แมคเกรเกอร์ทฤษฏี X และทฤษฏี Y
ทฤษฏี X และทฤษฏี Y
-เป็นสมมติฐานเกี่ยวกับทัศนะเกี่ยวกับผู้บริหารที่มีต่อคนงาน
-ทัศนะของผู้บริหารจะส่งผลต่อพฤติกรรมการบริหารงานของเขาด้วย
-เขาเห็นว่า องค์การแบบเดิม (รวมศูนย์ สื่อสารบนลงล่าง) ไม่ช่วยให้เกิดผลผลิต แต่สะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ เรียกว่าทฤษฏี X
-ทฤษฏี X มองว่าคนไม่ชอบทำงาน เลี่ยงความรับผิดชอบไม่ทะเยอทะยาน ชอบให้สั่งการ ต้องใช้เงินจูงใจ ต้องควบคุมมาก
-ทฤษฏี Y มองว่า คนจะให้ความร่วมมือถ้าพอใจในสภาวะการทำงานคนขยันไว้ใจได้ ควบคุมตนเองได้ มีความคิดริเริ่มในการทำงาน ถ้าได้รับการจูงใจที่ถูกต้องจากเพื่อนร่วมงานคนจะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
4. หลักพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral science approach)
เป็นการนำผลการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาทฤษฏีเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ จากศาสตร์ สาขาต่างๆ เมื่อนำไปทดสอบแล้วจะเสนอให้นักบริหารนำไปใช้ เช่น ทฤษฏีการตั้งเป้าหมาย ของ Locke

ทัศนะเชิงปริมาณ (Quantitative viewpoint)ประกอบด้วย
การบริหารศาสตร์/การบริหารปฏิบัติการ/ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร

1.การบริหารศาสตร์ (Management science)
-มุ่งเพิ่มความมีประสิทธิผลในการตัดสินใจจากการใช้ตัว
-แบบคณิตศาสตร์และวิธีการเชิงสิติ ซึ่งแพร่หลายได้
-รวดเร็วเนื่องจากความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ที่
-สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างซับซ้อนมากขึ้น

2. การบริหารปฏิบัติการ (Operation management)
-ยึดหลักการบริหารกระบวนการผลิตและให้บริการ
-กำหนดตารางการทำงาน
-วางแผนการผลิต
-การออกแบบอาคารสถานที่ การประกันคุณภาพ
-การใช้เทคนิคเครื่องมือต่างๆ เช่น เทคนิคการทำนายอนาคต
-การวิเคราะห์รายการ ตัวแบบเครือข่ายการทำงาน การวางแผนและควบคุมโครงการ

3. ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (management Information System)
-สารสนเทศบริหารศาสตร์ MIS เน้นการนำเอาระบบข้อมูล
-สารสนเทศโดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการ
-บริหาร (Computer based information system : CBISs)

ทัศนะร่วมสมัย(Contemporaryviewpoint)
ทฤษฏีเชิงระบบ/ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์/ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่

1. ทฤษฏีเชิงระบบ (System theory)
ระบบแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ระบบเปิดและระบบปิด
  - ระบบเปิดและระบบปิดไม่ได้แยกออกจากกัน  มีลักษณะอยู่ 9 ประการ
  - มีปัจจัยป้อนเข้าจากภายนอก
  - มีกระบวนการที่ก่อให้เกิดผลผลิต
  - ปัจจัยป้อนออกเป็นผลผลิตหรือบริการ
  - มีวงจรต่อเนื่อง
  - มีการต่อต้านแนวโน้มสู่ความเสื่อมของระบบ
  - ข้อมูลย้อนกลับเพื่อการปรับตัว
  - มีแนวโน้มสู่ความสมดุล
  - มีแนวโน้มสู่คามซับซ้อน
          - มีหลายเส้นทางเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย

  รูปแบบการวิเคราะห์ระบบ มุ่งเน้นกระบวนการมากกว่าผลผลิต
• ประเมินประสิทธิภาพของระบบงาน
• ประเมินเวลา
• ประเมินการใช้งบประมาณ
• ประเมินความถูกต้องของกระบวนการ
• ประเมินผลผลิตหรือผลงาน

2. ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์(Contingency theory)
หลักการบริหารงานที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสถานการณ์หนึ่งๆ เท่านั้น ในสถานการณ์ที่ต่างไป ผู้บริหาร อาจกำหนดหลักการจากการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของแต่ละสถานการณ์เพื่อกำหนด แนวทางให้เหมาะสมกับโครงสร้าง เป้าหมายและผู้ปฏิบัติงานในองค์การ

 3. ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่
ทฤษฏี Z  ทฤษฏีการบริหารแบบญี่ปุ่น โดย William Ouchiโดยรวมหลักการบริหารแบบอเมริกันรวม
กับแบบญี่ปุ่นมีหลักการสำคัญคือ ความมั่นคงในงาน การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ รับผิดชอบ
ปัจเจกบุคคล เลื่อนตำแหน่งช้า ควบคุมไม่เป็นทางการ แต่วัดผลเป็นทางการ สนใจภาพรวมและ
ครอบครัว

APPLIED
นำทฤษฎีการบริหารไปปรับใช้ในการเรียนการสอน


ASSESSMENTการประเมิน

self : ตั้งใจฟังและตอบคำถาม

friend : เพื่อนตั้งใจเรียนและมีปฎิสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ในด้านความรู้

Teacher : คำแนะนำของอาจารย์ สามารถนำไปประยุกย์ใช้ได้จริง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บันทึกการเรียนครั้งที่ 16  วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ.2561 KNOWLEDGE นำเสนอคำคมทางบริหาร นำเสนอโมเดลโรงเรียนที่แต่ละกล...